ไอซ์แลนด์ เมืองแสนอัศจรรย์ที่ไม่ได้มีดีแค่แสงเหนือ

ไอซ์แลนด์ เมืองแสนอัศจรรย์ที่ไม่ได้มีดีแค่แสงเหนือ

 

หินรูปไดโนเสาร์ขนาดยักษ์ Hvitserkur 

ไอซ์แลนด์ Hvitserkur แปลว่า เสื้อเชิร์ตสีขาว ซึ่งมาจากขี้นกที่ปกคลุมหินจำนวนมากจนกลายเป็นสีขาวเป็นหินภูเขาไฟ ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งทางด้านตะวันออกของคาบสมุทร Vatnsnes ทางตอนเหนือ (North Iceland) ของเกาะไอซ์แลนด์สูงประมาณ 15 เมตร ยาวประมาณ 50 เมตร หินจะมีรอยแตกหลายแนวคาดว่าเกิดจากการเย็นตัวของลาวาบนผิวโลก ซึ่งต่อมาหินรอบข้างโดนาคลื่นลมและทะเลของมหาสมุทรแอตแลนติกกรัดกร่อนจนมีรูปร่างที่แปลกตา หลายคนบอกว่าหินดังกล่าวคล้ายกับไดโนเสาร์กำลังกินน้ำอยู่ และยังมีตำนานเก่าแก่ของชาวไอซ์แลนด์ ที่ได้กล่าวว่าเป็นอสูรกายเผ่าโทรลที่ออกมาหาอาหารในเวลากลางคืน และเผลอลืมตัวจนไปถูกแสงแดดในยามเช้า เนื่องจากว่าโทรลไม่สามารถทนต่อแสงแดดได้ เมื่อพบกับแสงแดดร่างกายจึงถูกแผดเผาอย่างรุนแรงและกลายเป็นหินในที่สุด

 

 

Thingvellir National park

อุทยานแห่งชาติธิงเวลลีย์เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของไอซ์แลนด์ ตั้งอยู่ห่างจากเมืองเรคยาวิกประมาณ 50 กม. อุทยานแห่งนี้ตั้งอยู่บนแนวแผ่นเปลือกโลกสองแผ่นโดยมีการก่อตัวของธรรมชาติ จุดเด่นของที่นี่อยู่ที่ทะเลสาบธิงวัทลาวัตน์ที่ดูแปลกตา ซึ่งจะมีลาวาร้อนไหลลงมา แล้วเย็นตัวลงเพื่อทำให้เกิดสิ่งแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์ สามารถไปเยี่ยมชมทะเลสาบธิงวัทลาวัตน์เพื่อดูไอน้ำพุ่งขึ้นมาจากน้ำพุร้อนที่อยู่รอบๆ ทะเลสาบธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในไอซ์แลนด์และมีพืชพันธุ์มากกว่า 150 ชนิด

 

 

The Blue Lagoon

บลู ลา กูน หรือ ทะเลสาบสีฟ้า สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของไอซ์แลนด์และถือเป็นแหล่งสปาระดับโลกที่ตั้งอยู่บนเขตลาวาใน Grindavik ห่างจากสนามบินนานาชาติ Keflavik ประมาณ 13 กิโลเมตร และห่างจากเมืองหลวงเรคยาวิกประมาณ 39 กิโลเมตรหนึ่งในสถานที่ บ่อน้ำร้อนสีฟ้าที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุนานาชนิดจากใต้ดินที่มีประโยชน์ต่อผิวพรรณและสุขภาพ แช่น้ำพุร้อนเพื่อรักษาโรคผิวหนัง หรือคลายปวดเมื่อยได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวสูงมากเพราะการรักษาความสะอาดที่ดี และสถานที่ที่สวยงาม

 

 

Hruanfossar Waterfall

น้ำตกเฮินฟอซซ่า (Hraunfossar Waterfalls) เป็นนํ้าตกสาขาหนึ่งของนํ้าตกใหญ่ที่ก่อกำเนิดจากแหล่งลำธาร และแม่นํ้าสายต่าง ๆ เป็นระยะทางกว่า 900 ม.น้ำตกที่พาดอยู่บนทุ่งลาวาที่ประทุขึ้นมาจากภูเขาไฟ ที่อยู่ภายใต้ธารนํ้าแข็งแลงค์โจคูล (Langjokull)

 

ภูเขาคีร์กจู-เฟล หรือ ภูเขาทรงหมวก Kirkjufell

Kirkjufell เป็นภูเขาทางฝั่งตะวันตกของไอซ์แลนด์ (West Iceland) เรียกได้ว่าเป็นสัญลักษณ์อีกหนึ่งสิ่งของประเทศไอซ์แลนด์เลยก็ว่าได้ เป็นหนึ่งในสถานที่ถ่ายภาพทิวทัศน์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของไอซ์แลนด์ ในมุมมองยอดเขารูปกรวยคว่ำ มีน้ำตกและธารน้ำรายรอบ ภูเขาลูกนี้มีความสูงประมาณ 463 เมตร ไม่ว่าจะมาเที่ยวที่นี่ในช่วงไหนก็มีความงดงามตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในหน้าหนาวที่จะมองเห็นภูเขา Kirkjufell ปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาว ล้อมรอบด้วย วิวทิวทัศน์สุดอัศจรรย์ทั้งหาดทรายชายทะเล และน้ำตก ซึ่งช่างภาพมืออาชีพจากทั่วโลกที่มาเยือนไอซ์แลนด์ต่างก็ต้องมาเก็บภาพของที่นี่กลับไปเป็นที่ระลึก ถ้าโชคดีก็จะได้เห็นท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงออโรร่าเป็นฉากอยู่เบื้องหลัง ซึ่งใกล้กันนี้จะมีนํ้าตก Kirkjufellsfoss นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะนิยมถ่ายภาพน้ำตกที่มีพื้นหลังเป็นภูเขา

 

 

ภูเขา Eyjafjallajokull เอยาฟยาตลาเยอคุตล์

ไปถ่ายรูปกับวิวภูเขาไฟที่อยู่ทางตอนใต้ของไอซ์แลนด์ ห่างจากเมืองเรย์คยาวิคไปทางตะวันออกราว 120 กม. เป็นภูเขาไฟที่ยังคงทำงานอยู่ โดยการระเบิดครั้งสุดท้ายทำให้การบินที่ยุโรปเหนือและตะวันตกต้องเป็นอัมพาตถึง 6 วัน คือเมื่อ 14-20 เมษายน 2553 เถ้าถ่านจากการระเบิดปกคลุมท้องฟ้าของยุโรป กว่า 20 ประเทศประกาศปิดม่านฟ้าสำหรับสายการบินพาณิชย์ เป็นผลกระทบต่อการเดินทางทางอากาศมากที่สุดตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 มา ซึ่งปัจจุบันภูเขาไปก็ยังคงคุกรุ่นอยู่เรื่อยๆ

 

 

สนใจทัวร์ ประเทศไอซ์แลนด์ ติดต่อเราได้ที่นี่…

Line : @tourddtooktook

☎โทร: 02-010-8840

สายด่วน: 091-739-6939 พี่หวิน // สายด่วน: 090-894-3331

เว็บไซต์:  https://www.we-rworldtour.com/

Facebook:  https://www.facebook.com/werworldtour/

❤️🧡💛💚💙💜🖤❤️🧡💛💚💙💜🖤❤️🧡💛💚💙💜🖤❤️🧡💛💚💙💜🖤❤️🧡💛💚💙💜

ขอขอบคุณรูปภาพสวยๆ จาก : shutterstock

💜